ความหมายของความรู้(Knowledge)
อิคูจิโร โนนากะ (Ikujiro Nonaka)
อิคูจิโร โนนากะ มนุษย์คือผู้สร้างความรู้ KM คือวิถีการดำเนินชีวิตของคนKMB ถือเป็นวิธีคิดในศตวรรษที่ 21 ที่เป็นกระบวนทัศน์ (paradigm)
ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากการจัดการอย่างอื่น เช่น
รีเอ็นจิเนียริ่งซึ่งนิยมกันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เพราะเป็นเพียงภาคปฏิบัติ
ไม่ได้มีแนวคิดหรือทฤษฎีรองรับ แต่ KMB ทำให้เกิดความรู้
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะของความรู้ที่มีทฤษฎีรองรับ โดยความรู้นั้นมี
2 ประเภท คือ tacit และ explicit tacit
knowledge เป็นเรื่องการเรียนรู้โดยส่วนตัว
เมื่อทำงานก็เกิดเรียนรู้ และความรู้นั้นมีคุณค่าต่อตัวเขา ส่วน explicit
knowledge เป็นความรู้ที่มีการจัดระบบ
ฉะนั้นอาจจะต้องเอาอุปกรณ์มาช่วย เช่น ไอที จะมีความเป็นรูปธรรม
ไฮดีโอ ยามาซากิ (Hideo Yamazaki)
ไฮดีโอ ยามาซากิ นักวิชาการการจัดการความรู้ชาวญี่ปุ่น (บูรชัย ศิริมหาสาคร,
2550 : 22-24) ได้อธิบายนิยามของความรู้ด้วยรูปแบบของปิรามิด
ซึ่งแสดง ให้เห็นว่าความรู้มี 4
ประเภทและมีพัฒนาการตามลำดับเป็น 4 ขั้น จากต่ำไปสูง คือ
ข้อมูล-->สารสนเทศ-->ความรู้-->ภูมิปัญญา ซึ่งแต่ละระดับ มีความหมายแตกต่างกัน
แต่มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง เป็นฐานของกันและกัน ดังนี้
- ข้อมูล (Data) คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ได้จากการสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น โดยยังไม่ผ่านกระบวนการ การวิเคราะห์ (ด้วยกลวิธีทางสถิติ) จึงเป็นข้อมูลดิบ
- สารสนเทศ (Information) คือ ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์แล้ว เพื่อนำมาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
- ความรู้ (Knowledge) คือ สารสนเทศที่ผ่านกระบวนการคิดเปรียบเทียบ เชื่อมโยงกับความรู้อื่น จนเกิดเป็นความเข้าใจ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้
- ภูมิปัญญา (Wisdom) คือ การประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการทำงาน บางท่านจึงเรียกภูมิปัญญาว่า ปัญญาปฏิบัติ
Davenport and Prusak
Davenport and Prusak (1998) กล่าวว่า ความรู้หมายถึง ส่วนผสมของกรอบประสบการณ์ คุณค่า สารสนเทศ ที่เป็นสภาพแวดล้อมและกรอบการทํางาน สําหรับการประเมินและรวมกันของประสบการณ์และสารสนเทศใหม่
Davenport and Prusak (1998) กล่าวว่า ความรู้หมายถึง ส่วนผสมของกรอบประสบการณ์ คุณค่า สารสนเทศ ที่เป็นสภาพแวดล้อมและกรอบการทํางาน สําหรับการประเมินและรวมกันของประสบการณ์และสารสนเทศใหม่
Peter Senge
Peter Senge (
1990 )
แห่ง Massachusetts Institute of Technology กล่าวว่า
องค์กรแห่งการเรียนรู้ คือ
สถานที่ซึ่งทุกคนสามารถขยายศักยภาพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างผลงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
เป็นที่ซึ่งเกิดรูปแบบการคิดใหม่ ๆ หลากหลายมากมาย
ที่ซึ่งแต่ละคนมีอิสระที่จะสร้างแรงบันดาลใจ
และเป็นที่ซึ่งทุกคนต่างเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ร่วมกัน
Peter Drucker
Peter Drucker (1909-2005)
เป็นนักคิดที่บุกเบิกแนวคิดด้านการบริหารจัดการขององค์กรธุรกิจสมัยใหม่แต่ดรักเกอร์มีแนวคิดเรื่องการบริหารจัดการองค์กรที่แตกต่างอย่างมากจากนักคิดด้านการบริหารรุ่นใหม่ๆที่การนำเสนอแนวคิดการบริหารธุรกิจจะมีหลักวิชาการรองรับและมีวิธีคิดที่เป็นระบบแบบแผนแต่แนวคิดที่เป็นจุดเด่นของดรักเกอร์คือความพยายามที่จะเข้าใจความซับซ้อนต่างๆของสังคม
และพยายามถอดสรุปสิ่งที่เข้าใจออกมาเป็นแนวคิดที่ได้มาจากประสบการณ์ด้านการปฏิบัติ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี
นักคิดคนสำคัญของประเทศไทย ได้เสนอ ยุทธศาสตร์ทางปัญญาแห่งชาติ
8 ประการ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของสังคมไทยทั้งหมดรวมกัน
เพื่อพัฒนาประเทศให้ไปสู่ความเจริญที่แท้จริงและยั่งยืน
และยุทธศาสตร์หนึ่งในแปดที่เสนอ คือ ยุทธศาสตร์ญาณวิทยา
หรือยุทธศาสตร์ที่ว่าด้วยความรู้ความจริง และปัญหา ประเวศ วะสี
(2537: 10 – 17) ได้เสนอแนวคิดว่า
ความรู้ที่จำเป็นมี 4 ประเภทใหญ่ ๆ เรียกว่า ปัญญา 4 หรือ
จตุรปัญญา คือ
- ความรู้ธรรมชาติที่เป็นวัตถุ (วิทยาศาสตร์กายภาพ)
- ความรู้ทางสังคม (วิทยาศาสตร์สังคม)
- ความรู้ทางศาสนา (วิทยาศาสตร์ข้างใน)
- ความรู้เรื่องการจัดการ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช
แห่งสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า องค์การเอื้อการเรียนรู้
มีลักษณะเป็นพลวัต (Dynamics)
มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะของพัฒนาการด้าน ๆ คล้ายมีชีวิต
มีผลงานดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการสร้างนวัตกรรม (Innovation)
รวมทั้งมีบุคลิกขององค์การในลักษณะที่เรียกว่าวัฒนธรรมองค์การ (Corporate
Culture) ที่ผู้เกี่ยว ข้องสัมพันธ์สามารถรู้สึกได้
ประพนธ์
ผาสุขยืด
ในปี่(2547)ได้เสนอกรอบความคิดการจัดการความรู้
แบบปลาทู (Tuna Model) เป็นกรอบความคิดอย่างง่ายในการจัดการความรู้ของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.)โดยเปรียบการจัดการความรู้เสมือนปลาหนึ่งตัว ซึ่งมีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ลำตัว และหางปลา
ภาพที่ 1.2 โมเดลแบบปลาทู
โมเดลปลาประกอบไปด้วย 3 ส่วน
ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนตัว และส่วนหาง
- ส่วนหัวปลา เรียกว่า KV ย่อมาจาก Knowledge Vision หมายถึงส่วนที่เป็นวิสัยทัศน์ หรือเป็นทิศทางของการจัดการความรู้ กล่าวคือ ส่วนหัวจะทำหน้าที่มองว่ากำลังจะไปทางไหนต้องตอบได้ว่า "ทำ KM ไปเพื่ออะไร"
- ส่วนตัวปลา เรียกว่า KS ย่อมาจาก Knowledge Sharing หมายถึงส่วนที่เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจ และเป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุดในกระบวนการทำ KM เพราะต้องเกิดจากปัจจัย และสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้คนพร้อมที่จะแบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกัน
- ส่วนหางปลา เรียกว่า KA ย่อมาจาก Knoeledge Assets หมายถึงส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้ที่เก็บสะสมไว้เป็น "คลังความรู้" หรือ "ขุมความรู้"
ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้
2. ความรู้ทั่วไป หรือความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวมถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่างๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่างๆ และบางครั้ง เรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม การจัดการความรู้เด่นชัด จะเน้นไปที่การเข้าถึงแหล่งความรู้ ตรวจสอบ และตีความได้ เมื่อนำไปใช้แล้วเกิดความรู้ใหม่ ก็นำมาสรุปไว้ เพื่อใช้อ้างอิง หรือให้ผู้อื่นเข้าถึงได้ต่อไป
ความสำคัญของความรู้
ความสำคัญของความรู้ที่มีต่อบุคคล ธุรกิจ และสังคม
- ช่วยเพิ่มประสิทธิธิภาพขององค์กร
- ป้องกันการสูญหายของภูมิปัญญา
- เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการอยู่รอด
- เกิดการพัฒนาคนและองค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
- เพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจและวางแผนดำเนินการได้รวดเร็ว
- เพิ่มความกลมเกลียวในหน่วยงาน
- เพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับองค์กร
- เปลี่ยนวัฒนธรรมอำนาจในแนวดิ่งไปสู่วัฒนธรรมความรู้ในแนวราบทุกคนมีสิทธิ์ในการเรียนรู้เท่าเทียมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น